ช้อปปิ้งเงินเฟ้อ 6 23

สหรัฐอเมริกามีภาวะเงินเฟ้อปานกลางหลายช่วง คั่นด้วยภาวะเงินเฟ้อรุนแรงและภาวะเงินฝืด ซึ่งแต่ละช่วงมีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจและสังคม ในช่วงศตวรรษที่ 20 สหรัฐอเมริกาประสบกับช่วงเงินเฟ้อที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างและหลังสงครามใหญ่ เช่น สงครามโลกครั้งที่ XNUMX และ XNUMX ในช่วงหลังสงคราม เศรษฐกิจมักร้อนเกินไปเนื่องจากการใช้จ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้นและความต้องการสินค้าสูง ซึ่งนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ

ช่วงเวลาเงินเฟ้อที่โดดเด่นที่สุดเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 และต้นทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดภาวะเงินเฟ้อคงที่ ซึ่งเป็นภาวะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจชะงักงันและอัตราเงินเฟ้อสูง ในช่วงเวลานี้ อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดที่ 13.5% ในปี 1980 โดยได้รับแรงหนุนหลักจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เพื่อเป็นการตอบสนอง ภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานของ Paul Volcker ธนาคารกลางสหรัฐได้เข้มงวดนโยบายการเงินอย่างมาก ซึ่งนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง

ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาค่อนข้างต่ำและคงที่ สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินและความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับพลวัตของเงินเฟ้อ ธนาคารกลางสหรัฐได้ตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 2% โดยมองว่าอัตราดังกล่าวสอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี อย่างไรก็ตาม ผลพวงของวิกฤตการเงินในปี 2008 และการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เมื่อไม่นานมานี้ได้นำเสนอความท้าทายด้านเงินเฟ้อใหม่ๆ ทำให้เกิดการถกเถียงกันเกี่ยวกับเป้าหมายและมาตรการที่เหมาะสมในการจัดการเงินเฟ้อในศตวรรษที่ 21

งานที่น่ากลัวของธนาคารกลางสหรัฐ

เป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐที่ 2% ไม่เพียงมุ่งรักษาเสถียรภาพด้านราคา แต่ยังส่งเสริมการจ้างงานสูงสุดด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ เฟดเพิ่งแนะนำแนวทางใหม่สำหรับนโยบายการเงิน ซึ่งเรียกว่ากรอบ "การกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" กรอบการทำงานใหม่นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดเสถียรภาพด้านราคาและการจ้างงานสูงสุด โดยปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อทำงานในระดับปานกลางสูงกว่า 2% เป็นระยะเวลาหนึ่งหลังจากช่วงเวลาที่ทำงานต่ำกว่า 2%

งานของธนาคารกลางสหรัฐนั้นค่อนข้างน่ากลัว หากพิจารณาจากสถานการณ์ที่ท้าทายในช่วงเวลาที่ผ่านมา:


กราฟิกสมัครสมาชิกภายในตัวเอง


ตลาดแรงงานตึงตัว

ภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือการลดลงอย่างมากของอัตราการเกิด นับตั้งแต่ยุคเบบี้บูมหลังสงครามโลกครั้งที่ XNUMX ส่งผลให้กลุ่มคนที่เข้าสู่วัยทำงานมีจำนวนน้อยลง เนื่องจากคนหนุ่มสาวเข้าสู่ตลาดแรงงานน้อยลง อุปทานแรงงานที่มีอยู่จึงถูกจำกัด

นอกจากนี้ การชะลอตัวของการย้ายถิ่นฐานเนื่องจากนโยบายต่อต้านการย้ายถิ่นฐานทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก ในอดีต ผู้อพยพมีบทบาทสำคัญในการเติมเต็มช่องว่างด้านแรงงานและสนับสนุนการเติบโตของกำลังแรงงาน การเปลี่ยนแปลงทางประชากรเหล่านี้เน้นให้เห็นถึงความท้าทายที่ต้องเผชิญในการจัดหาแรงงานที่เพียงพอ ซึ่งมีผลกระทบต่อธุรกิจ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ

การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

นโยบายเสรีนิยมใหม่หลายปีที่ให้ความสำคัญกับการจัดจ้างเอาท์ซอร์สและการดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติด้านสินค้าคงคลังแบบทันเวลาพอดี ประกอบกับการแพร่ระบาดทั่วโลก ได้สร้างพายุที่สมบูรณ์แบบซึ่งนำไปสู่การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ การเน้นที่การลดต้นทุนและประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งขับเคลื่อนโดยนโยบายเสรีนิยมใหม่ ส่งผลให้ความสามารถในการผลิตภายในประเทศลดลง การพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกมากเกินไปทำให้อุตสาหกรรมมีความเสี่ยงเมื่อเกิดโรคระบาด ทำให้เกิดการหยุดชะงักในการผลิตและการจัดจำหน่าย

ห่วงโซ่อุปทาน 6 23

การล็อกดาวน์และข้อจำกัดที่เกิดจากโรคระบาดทำให้ปัญหาอุปทานแย่ลงไปอีก โดยโรงงานต้องปิดตัวลงและเครือข่ายการขนส่งหยุดชะงัก การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานเหล่านี้และความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าและวัสดุบางอย่าง นำไปสู่การขาดแคลนอุปทานและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วนำไปสู่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ การบรรจบกันของปัจจัยเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างนโยบายเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทั่วโลก และผลกระทบต่ออุปทานและอัตราเงินเฟ้อ

ความล้มเหลวในการจัดทำงบประมาณอย่างเหมาะสม

ความล้มเหลวในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างเพียงพอในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมาได้มาถึงจุดวิกฤต ทำให้ต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น การขาดการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอทำให้เกิดงานค้างในการบำรุงรักษาและซ่อมแซม ทำให้คุณภาพโดยรวมของโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะแย่ลง

การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน บวกกับการกระจายค่าใช้จ่ายที่ไม่เพียงพอเมื่อเวลาผ่านไป ได้สร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ สิ่งนี้เน้นถึงผลที่ตามมาจากการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ล่าช้าและความสำคัญของการวางแผนเชิงกลยุทธ์และการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อลดผลกระทบต่อราคาและอัตราเงินเฟ้อ

ระงับความคาดหวังของราคาที่สูงขึ้นในอนาคต

ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดกับอัตราเงินเฟ้ออยู่ในความคาดหวังของทั้งผู้บริโภคและธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อและการกำหนดราคาในอนาคต การรายงานอัตราเงินเฟ้อแบบปีต่อปี (ระยะยาว) มากกว่าแบบเดือนต่อเดือน (ระยะสั้น) อาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อที่แท้จริง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความคาดหวังที่ผิดเพี้ยนทั้งในหมู่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจ เมื่อมีการรายงานอัตราเงินเฟ้อเป็นประจำทุกปี อัตราดังกล่าวอาจไม่ได้สะท้อนถึงความผันผวนของราคาในแต่ละเดือนอย่างถูกต้อง ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด ดังนั้น หากผู้บริโภคและธุรกิจตัดสินใจซื้อและตั้งราคาจากความคาดหวังที่บิดเบี้ยวเหล่านี้ ก็อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อได้

การตัดสินใจล่าสุดโดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวสำหรับเดือนปัจจุบัน ในขณะที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นในอนาคต สามารถมองได้ว่าเป็นความพยายามในการจัดการกับการคาดการณ์เงินเฟ้อ แนวทางนี้มีความจำเป็นเนื่องจากสื่อโดยทั่วไปไม่สามารถรายงานข่าวเงินเฟ้อได้อย่างถูกต้อง

สื่อกระตุ้นเงินเฟ้อในอนาคตอย่างไร

ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น เช่น ที่เกิดขึ้นในปี 2022 วิธีการนำเสนอและตีความข้อมูลเงินเฟ้อโดยนักการเมืองและสื่อสามารถกำหนดการรับรู้ของสาธารณชนและคาดการณ์ราคาได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อมีการรายงานอัตราเงินเฟ้อแบบปีต่อปี มักจะสามารถวาดภาพของอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดยหลักแล้วหากช่วงฐาน (ปีก่อนหน้า) มีลักษณะราคาต่ำ เช่น ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยหรือช่วง ภาวะเงินฝืด แม้ว่าวิธีนี้จะนำเสนอมุมมองระยะยาวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของราคา แต่บางครั้งอาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอัตราเงินเฟ้อเริ่มลดลง

ในทางกลับกัน ตัวเลขเงินเฟ้อแบบเดือนต่อเดือนสามารถให้ภาพรวมปัจจุบันของสถานการณ์เงินเฟ้อได้มากขึ้น โดยบันทึกการเปลี่ยนแปลงล่าสุดที่อาจไม่ปรากฏให้เห็นในตัวเลขปีต่อปี หากอัตราเงินเฟ้อเริ่มลดลง สิ่งนี้จะชัดเจนยิ่งขึ้นในข้อมูลเดือนต่อเดือน อย่างไรก็ตาม เมื่อสื่อและนักการเมืองไม่รายงานหรือเน้นตัวเลขเดือนต่อเดือนเหล่านี้ ประชาชนอาจยังคงเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ป้อนเข้าสู่การคาดการณ์เงินเฟ้อและอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

เงินเฟ้อเดือนต่อเดือน 6 ​​23
อัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างมากตั้งแต่ 11 เดือนที่ผ่านมา คนทั่วไปจะไม่ทราบเนื่องจากสื่อไม่สามารถรายงานการลดลงอย่างมาก

ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สื่อสารข้อมูลเงินเฟ้อสู่สาธารณะในการนำเสนอมุมมองที่สมดุล โดยรวมทั้งมุมมองระยะสั้น (เดือนต่อเดือน) และระยะยาว (ปีต่อปี) แนวทางนี้สามารถช่วยให้สาธารณชนเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงจากข้อมูลที่ผิดและความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็น และส่งผลให้การคาดการณ์ราคาที่มีเสถียรภาพมากขึ้นในท้ายที่สุด


รายงานนี้ออกอากาศและโพสต์ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2023 แม้จะช้าไปบ้างแต่ก็ดีกว่าไม่เกิดขึ้น

เกี่ยวกับผู้เขียน

เจนนิงส์Robert Jennings เป็นผู้ร่วมเผยแพร่ InnerSelf.com กับ Marie T Russell ภรรยาของเขา เขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฟลอริดา Southern Technical Institute และมหาวิทยาลัย Central Florida ด้วยการศึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ การพัฒนาเมือง การเงิน วิศวกรรมสถาปัตยกรรม และการศึกษาระดับประถมศึกษา เขาเป็นสมาชิกของนาวิกโยธินสหรัฐและกองทัพสหรัฐซึ่งสั่งการปืนใหญ่สนามในเยอรมนี เขาทำงานด้านการเงิน การก่อสร้าง และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นเวลา 25 ปีก่อนเริ่ม InnerSelf.com ในปี 1996

InnerSelf ทุ่มเทให้กับการแบ่งปันข้อมูลที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเลือกทางเลือกที่มีการศึกษาและชาญฉลาดในชีวิตส่วนตัวของพวกเขา เพื่อประโยชน์ส่วนรวม และเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของโลก นิตยสาร InnerSelf มีอายุมากกว่า 30 ปีในการตีพิมพ์ในรูปแบบสิ่งพิมพ์ (พ.ศ. 1984-1995) หรือทางออนไลน์ในชื่อ InnerSelf.com กรุณาสนับสนุนการทำงานของเรา

 ครีเอทีฟคอมมอนส์ 4.0

บทความนี้ได้รับอนุญาตภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มาร่วมแบ่งปันแบบเดียวกัน 4.0 แอตทริบิวต์ผู้เขียน Robert Jennings, InnerSelf.com ลิงค์กลับไปที่บทความ บทความนี้เดิมปรากฏบน InnerSelf.com

หนังสือแนะนำ:

ทุนในยี่สิบศตวรรษแรก
โดย โธมัส พิเคตตี. (แปลโดย อาเธอร์ โกลด์แฮมเมอร์)

ทุนในปกแข็งศตวรรษที่ XNUMX โดย Thomas PikettyIn เมืองหลวงในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด Thomas Piketty วิเคราะห์คอลเล็กชันข้อมูลที่ไม่ซ้ำใครจาก XNUMX ประเทศ ย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่ XNUMX เพื่อเปิดเผยรูปแบบทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญ แต่แนวโน้มทางเศรษฐกิจไม่ใช่การกระทำของพระเจ้า การดำเนินการทางการเมืองได้ควบคุมความไม่เท่าเทียมกันที่เป็นอันตรายในอดีต Thomas Piketty กล่าว และอาจทำเช่นนี้ได้อีกครั้ง ผลงานที่มีความทะเยอทะยานเป็นพิเศษ ความคิดริเริ่ม และความเข้มงวด ทุนในยี่สิบศตวรรษแรก ปรับความเข้าใจของเราเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและเผชิญหน้ากับบทเรียนที่น่าสังเวชสำหรับวันนี้ การค้นพบของเขาจะเปลี่ยนการอภิปรายและกำหนดวาระสำหรับความคิดรุ่นต่อไปเกี่ยวกับความมั่งคั่งและความไม่เท่าเทียมกัน

คลิกที่นี่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและ / หรือการสั่งซื้อหนังสือใน Amazon นี้


Fortune's Nature: ธุรกิจและสังคมเติบโตได้อย่างไรโดยการลงทุนในธรรมชาติ
โดย Mark R.Tercek และ Jonathan S. Adams

โชคชะตาของธรรมชาติ: ธุรกิจและสังคมเติบโตอย่างไรด้วยการลงทุนในธรรมชาติ โดย Mark R. Tercek และ Jonathan S. Adamsธรรมชาติมีค่าอะไร? คำตอบสำหรับคำถามนี้ - ซึ่งโดยทั่วไปมีกรอบในแง่สิ่งแวดล้อม - เป็นการปฏิวัติวิธีที่เราทำธุรกิจ ใน โชคลาภของธรรมชาติMark Tercek ซีอีโอของ The Nature Conservancy และอดีตนักวาณิชธนกิจโจนาธานอดัมส์นักเขียนวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าธรรมชาติไม่เพียง แต่เป็นรากฐานของความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเชิงพาณิชย์ที่ฉลาดที่สุดสำหรับธุรกิจหรือรัฐบาล ป่าไม้ที่ราบน้ำท่วมถึงและแนวปะการังหอยนางรมมักถูกมองว่าเป็นเพียงวัตถุดิบหรือเป็นอุปสรรคในการทำความสะอาดในนามของความคืบหน้าในความเป็นจริงมีความสำคัญต่อความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตของเราในฐานะเทคโนโลยีหรือกฎหมายหรือนวัตกรรมทางธุรกิจ โชคลาภของธรรมชาติ นำเสนอแนวทางที่จำเป็นต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของโลก

คลิกที่นี่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและ / หรือการสั่งซื้อหนังสือใน Amazon นี้


Beyond Outrage: เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจและประชาธิปไตยของเราและจะแก้ไขอย่างไร -- โดย Robert B. Reich

เกินความชั่วร้ายในหนังสือเล่มนี้ Robert B. Reich ให้เหตุผลว่าไม่มีอะไรดีเกิดขึ้นในวอชิงตันเว้นแต่ประชาชนจะได้รับพลังและการจัดระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าวอชิงตันทำหน้าที่สาธารณะประโยชน์ ขั้นตอนแรกคือการดูภาพรวม Beyond Outrage เชื่อมโยงจุดต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าทำไมส่วนแบ่งรายได้และความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้สร้างงานและการเติบโตให้กับทุกคนเพื่อทำลายประชาธิปไตยของเรา ทำให้คนอเมริกันกลายเป็นคนดูถูกเหยียดหยามมากขึ้นเกี่ยวกับชีวิตสาธารณะ และหันชาวอเมริกันจำนวนมากต่อกัน เขายังอธิบายว่าทำไมข้อเสนอของ“ สิทธิการถอยหลัง” จึงผิดพลาดและให้แผนงานที่ชัดเจนว่าต้องทำอะไรแทน นี่คือแผนสำหรับการดำเนินการสำหรับทุกคนที่ใส่ใจเกี่ยวกับอนาคตของอเมริกา

คลิกที่นี่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้ใน Amazon


สิ่งนี้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง: ครอบครอง Wall Street และการเคลื่อนไหว 99%
โดย Sarah van Gelder และพนักงานของ YES! นิตยสาร.

สิ่งนี้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง: ครอบครอง Wall Street และการเคลื่อนไหว 99% โดย Sarah van Gelder และพนักงานของ YES! นิตยสาร.นี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง แสดงให้เห็นว่าขบวนการ Occupy กำลังเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนมองตนเองและโลก สังคมแบบที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นไปได้ และการมีส่วนร่วมของพวกเขาเองในการสร้างสังคมที่ทำงานเพื่อ 99% แทนที่จะเป็นเพียง 1% ความพยายามที่จะเจาะระบบการเคลื่อนไหวที่กระจายอำนาจและมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้ทำให้เกิดความสับสนและความเข้าใจผิด ในเล่มนี้ บรรณาธิการของ ใช่! นิตยสาร รวบรวมเสียงจากภายในและภายนอกการประท้วงเพื่อถ่ายทอดปัญหา ความเป็นไปได้ และบุคลิกที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ Occupy Wall Street หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยผลงานจาก Naomi Klein, David Korten, Rebecca Solnit, Ralph Nader และคนอื่นๆ รวมถึงนักเคลื่อนไหว Occupy ที่อยู่ที่นั่นตั้งแต่ต้น

คลิกที่นี่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและ / หรือการสั่งซื้อหนังสือใน Amazon นี้